อยากให้ลูกเป็นนักกอล์ฟ ทำยังไงดี?

Our Score

อยากให้ลูกเป็นนักกอล์ฟ ต้องทำยังไงดี เริ่มจากตรงไหน ควรเริ่มตอนอายุเท่าไหร่ คงเป็นคำถามสำหรับผู้ปกครองหลายท่าน ที่อยากจะสนับสนุนน้องๆให้เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่หารู้ไม่ว่า การจะให้เด็กๆเริ่มเล่นกอล์ฟนั้น หรือ ติดใจกีฬากอล์ฟ มันเริ่มจากทัศนคติของตัวคุณนั่นเอง!!!

 

ดิฉันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง ในฐานะนักกอล์ฟคนหนึ่งที่เล่นกอล์ฟตั้งแต่เยาวชน สู่ทีมชาติ และเทิร์นโปร ผ่านประสบการณ์การแข่งขันมามากมาย รวมทั้งยังผ่านงานการทำงานในวงการกอล์ฟมาแล้ว ได้เห็นนักกอล์ฟที่มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จส่วนหนึ่ง และที่ล้มเหลวก็มีไม่น้อย เลยเป็นที่มาสู่การสัมภาษณ์ James Skeet หนุ่มน้อยวัย 16 ปี ชาวเบลเยี่ยม ที่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ดิฉันรู้จัก James เพราะดิฉันเป็นเพื่อนกับคุณยายของเค้า กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ทำให้เรามีเพื่อนหลากหลายวัย ดิฉันจึงมักจะได้ยินเรื่องราวของ James เสมอ แต่สิ่งที่โดนใจ นั่นก็คือ เมื่อตอนที่เค้าเด็กมากๆ เค้าไปออกรอบกับครอบครัว ระหว่างออกรอบ สิ่งที่น่าสนใจคือ เค้ามักจะตีเข้าหาเป้าหมาย โดยที่เค้าไม่เคยมองเห็นอุปสรรครอบรอบข้างเลย เค้าเห็นเพียงแต่เป้าหมายเท่านั้น เลยทำให้อยากรู้ว่าเด็กคนนี้มีอะไรพิเศษ และอยากรู้ว่าตอนนั้นเค้าคิดอะไร เราจะมาเฉลยในช่วงท้ายกันนะคะ

 

 

 

James Skeet เริ่มเล่นกอล์ฟเพราะคุณตาเป็นคนชักชวนให้ลองเล่นกอล์ฟ ตอนอายุได้ 3 ขวบ และเริ่มจริงจังกับกอล์ฟเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ เพราะเค้าได้ไปฝึกเรียนกอล์ฟกับเพื่อนๆ James ขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยสนับสนุนเค้าในการเรียนกอล์ฟ พอเริ่มไปได้ไม่กี่เดือนก็เริ่มชอบ และพอผ่านไปปีนึงถึงบอกว่าอยากจะเริ่มจริงจัง

 

 

 

แน่นอนว่าการเรียนในโรงเรียนต่างประเทศ มักจะผลักดันให้เด็กเล่นกีฬาหลากหลาย แต่สิ่งที่ทำให้ James เลือกที่จะเล่นกอล์ฟ มันดูเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างตลก เพราะตอนแรกเค้าเริ่มเล่นฟุตบอล และเป็นนักฟุตบอลให้กับโรงเรียน แต่เนื่องจากฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม มันเริ่มทำให้เค้าหงุดหงิด และไม่สนุก เพราะทุกครั้งที่ทีมเค้าแพ้ เค้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเค้า แต่พอมาเร่ิมเล่นกอล์ฟ กอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นคนเดียว เพราะฉะนั้น เค้าจะมีข้ออ้างไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวเค้าเองทั้งหมด จะโทษใครไม่ได้

 

James มักจะซ้อมและเล่นกอล์ฟอยู่กับ แก๊งก๊วนกอล์ฟกับเพื่อนๆหลังโรงเรียนเลิกนั่นเอง ก๊วนนี้จะออกรอบกันทุกวันจนถึงมืด และแต่ละคนก็มาจากหลากหลายโรงเรียน James อยู่กับโค้ชกอล์ฟ Tony Bacon ชาวอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเค้าเป็นคนขอคุณพ่อคุณแม่เค้าเรียนกับโค้ชคนนี้ด้วยตัวเอง ด้วยสาเหตุที่ว่า โค้ชเป็นคนอังกฤษ จะทำให้เค้าได้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว และเค้าก็เป็นเฮดโปรที่สนามกอล์ฟที่เค้าเป็นเมมเบอร์อยู่ด้วย พ่อแม่ไม่ได้เป็นคนเลือก แต่เจมส์เป็นคนเลือกเอง และหลังจากอยู่กับโค้ชได้หนึ่งปี โค้ชก็บอกว่าถึงเวลาที่จะลองแข่งบ้างแล้ว ซึ่งตอนแรก James ก็ไม่ได้อยากจะแข่ง แต่พอได้ลงสนามแข่ง ก็เริ่มเห็นว่าตัวเองพัฒนาขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็แข่งเรื่อยมา โดยเฉพาะสามปีที่ผ่านมา แข่งกอล์ฟไปเยอะมาก James ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ที่เบลเยี่ยมจะมีช่วงหยุด สามถึงสี่เดือนเพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ตีกอล์ฟไม่ได้ แต่หลังจากนั้น น่าจะมีแมทช์แข่งไม่ต่ำกว่าสามสิบแมทช์ต่อปี

มันเลยเป็นคำถามที่ว่า สามสิบแมทช์ต่อปี แล้วแบ่งเวลาอย่างไร ซึ่ง James ก็โชคดีที่ปีที่แล้ว ชนะรายการระดับประเทศ เค้าจึงได้เข้าโรงเรียนกีฬาที่ดีที่สุดของประเทศตอนนี้ นั่นก็คือ Top Sport School Hasselt ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำ โดยนักเรียนจะแบ่งเวลาเรียนและซ้อมกีฬาแบบครึ่งต่อครึ่ง ตื่นตอนเช้า ไปโรงเรียนตอนแปดโมง เลิกเรียนตอนเที่ยง หลังจากนั้นก็ซ้อมกอล์ฟสองสามชั่วโมง แล้วค่อยออกรอบจนถึงมืด มีฟิตเนสสองวันต่ออาทิตย์ โรงเรียนนี้ จะรับนักเรียนที่มีความสามารถทางกีฬาเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาเรียนได้ James บอกว่า เป็นโรงเรียนที่เข้ายากมาก ในกรณีของเค้าเอง แม้ว่าเค้าจะชนะรายการใหญ่มาแล้ว แต่ก็ต้องรอถึงสองเดือนกว่าจะรู้ว่าสามารถเข้าไปเรียนได้หรือไม่

 

เส้นทางการเล่นกอล์ฟของ James ก็น่าจะเหมือนกับการเดินตามรอยเท้านักกอล์ฟอาชีพทั่วไป นั่นก็คือ ต่อจากโรงเรียนนี้ เค้าก็หวังว่าเค้าได้ทุนกีฬาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐฯ เช่น Oklahoma State, Texas Tech หรือ Arizona State เค้าเห็นตัวเองในอนาคต เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แข่งใน division ระดับสูง และหลังจากเรียนจบ ก็จะเริ่มลงแข่งในชาเลนจ์ทัวร์ หรือ ยูโรเปี้ยนทัวร์ เค้ามีความตั้งใจอย่างสูง ที่จะเป็นนักกอล์ฟอาชีพ และเค้าก็โชคดีที่มีพ่อแม่ และครอบครัวเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญในเส้นทางสายนี้ แม้ว่าวันหนึ่ง ถ้าเค้าไม่ได้เป็นนักกอล์ฟ เค้าก็อาจจะไปเป็น นักฟุตบอล หรือ นักกีฬาอาชีพอะไรก็ได้

เค้าเชื่อว่า เราทุกคนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการวางแผนที่ดี ( A goal with plan) คือหัวใจสำคัญ เป้าหมายของเจมส์ คือ อยากจะเก่งหรือดีกว่าเพื่อนที่มีความสามารถสูงกว่า ซึ่งเมื่อถึงจุดนึงที่เราเก่งกว่าเค้าได้ เค้าก็จะหาเป้าหมายคนต่อไปที่จะเก่งกว่าอีก ซึ่งการตั้งเป้าแบบนี้ ทำให้เจมส์รู้สึกว่ามันค่อนข้างเห็นชัดกว่า เป็นรูปธรรมมากกว่า และสิ่งที่จะวัดว่าดีกว่าหรือไม่ได้ นั่นก็คือ การแข่งขันในแต่ละแมทช์ ถ้าเราทำผลงานได้ดีกว่าหรือใกล้เคียงคนๆนั้นอย่างต่อเนื่อง เค้าก็จะเริ่มหาเป้าหมายคนต่อไปที่จะแข่งอีก ไม่ใช่ทำผลงานได้ดีกว่าแค่แมทช์เดียวแล้วจะเป็นตัวชี้วัดว่าเราดีขึ้น เช่น ตอนนี้เค้าอายุ 15 เค้าก็จะหาคนอายุที่แก่กว่าอยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้ เป้าของเค้าคือ นักกอล์ฟวัย 17 ปี ถ้าผ่านคนนี้ไปแล้ว เค้าก็จะหาคนที่อายุ 18 และ 21 ต่อๆไปเรื่อยๆ และสิ่งนั้นทำให้เค้าเกิดแรงผลักดัน กระตุ้นให้เค้าฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ James ก็ระลึกอยู่เสมอว่า การแข่งกับคนอื่นเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อแค่สร้างแรงกระตุ้น

น่าแปลกที่ James อยากเป็นนักกอล์ฟอาชีพ เค้ากลับไม่มีนักกอล์ฟเป็นไอดอลเลย แต่กลับกลายเป็นนักมวยมืออาชีพ ชาวอังกฤษ Anthony Joshua และ Conor McGregor นักมวยสากลและนักศิลปะการต่อสู้แบบผสม ชาวไอริช สาเหตุที่ชอบเพราะทั้งสองคนมาจากพื้นเพที่มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต ทั้งสองคนนี้ แม้ว่ารากฐานของความมั่นใจจะไม่เท่ากัน แต่พวกเค้าใช้เวลาซ้อมกันเยอะมาก นอกจากซ้อมเยอะแล้ว พวกเค้ายังเป็นนักจัดการเวลาได้อย่างลงตัว ยกอย่างเช่น ในช่วงวันหยุดก็จะชิล แต่เมื่อถึงเวลาซ้อม เค้าก็ซ้อมอย่างหนักหน่วง ทั้งคู่มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพ และช่วงที่ตกต่ำที่สุด มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะศึกษามาก

แน่นอนว่า ไอดอลคนแรก นั่นก็คือ คุณตา การจากไปของคุณตาเค้าเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เค้าพึงระลึกอยู่เสมอ ว่าเล่นกอล์ฟเพื่อใครคนหนึ่ง รู้ว่าเราเริ่มต้นชอบตีกอล์ฟเพราะอะไร ได้เล่นกับเพื่อนๆ มีสังคมกอล์ฟ และเพื่อตัวเองที่จะได้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทุกการเส้นทางการตัดสินใจมาเล่นกอล์ฟ ก็ล้วนมาจากตัว James เอง ไม่ว่าจะเรื่องการเลือกเล่นกีฬา การเข้าโรงเรียน ไม่ว่าตัวเค้าจะทำอะไร ล้วนเป็นคนตัดสินใจเองทั้งสิ้น

กลับมาตอบคำถามในช่วงต้น ถึงความคิดของ James ในวัยเด็กต่อเกมส์กอล์ฟ โดยเค้าตอบว่า แม้กระทั่งตอนนี้ เค้าก็ยังคงคิดแบบนั้น แต่จะรอบคอบขึ้น เช่น ถ้าเค้ารู้ว่าตีไปไม่ได้ เค้าก็แค่ต้องวาง เค้ายอมรับว่าสมัยก่อน เค้าไม่ได้มีประสบการณ์มากเท่าตอนนี้ เพราะตอนนั้น เมื่อเค้าเห็นเป้าหมายและรู้ระยะ ก็แค่ตีมันไปที่เป้าหมาย ง่ายๆแค่นั้น เพราะ ตอนฝึกซ้อมกับเพื่อนๆ ถ้าเราพลาด เราก็ตีใหม่ แล้วเวลาแข่งเค้าก็คิดเหมือนกับเวลาซ้อมเลย มีหลายคนเดินเข้ามาบอกเค้าว่า อย่าตีข้ามน้ำเลย แต่เจมส์ก็ไม่ได้สนใจฟังซักเท่าไหร่ แล้วก็ลองตีไปเลย จะได้รู้ว่าคนนั้นพูดถูกหรือไม่

 

ขณะนี้ตัว James อายุ 16 ปีเต็มตัว เค้าอยากเล่นกอล์ฟจากตัวของเค้าเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ เริ่มจากความสนุก มีครอบครัวที่สนับสนุน กลุ่มเพื่อนที่ดี และยังมีโค้ชที่เข้าใจนักกีฬาเป็นอย่างดีด้วย องค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้เกิดนักกีฬาที่ดีและพร้อมที่จะประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าแปลกใจ เค้าให้คำจำกัดความกับตัวเองว่า Adventurous + Relax + Motivated

หลังจากสัมภาษณ์ James ทำให้ดิฉันมองเห็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลคนหนึ่ง ผู้ชอบความท้าทาย มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถที่จะก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้ไม่ยาก ด้วยความมั่นใจ เลยอยากให้คำจำกัดความว่า Driven + Confident + Uplifting เรื่องราวของ James อยากนำมาแชร์เป็นประสบการณ์ให้ท่านผู้อ่านท่านใด ที่มีลูกหลานแล้วอยากให้เล่นกอล์ฟ ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิง หรือ จริงจัง ขอให้เข้าใจว่า กอล์ฟ เป็นเกมส์ และ กีฬา ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อความสนุก ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหน ก็สนุกกับเกมส์กอล์ฟได้ทั้งนั้น ส่วนการจะผลักดันให้ลูกหลานเล่นกอล์ฟ ก็อาจจะเริ่มสร้างบรรยากาศให้สนุกก่อน แล้วค่อยๆผลักดันให้เล่นทีละน้อย การสอบถามความคิดเห็นจากตัวเด็กเป็นระยะๆถึงความตั้งใจในการเล่นกอล์ฟ เป็นเรื่องสำคัญมาก ทิศทางในอนาคตที่จะมีร่วมกัน ดังนั้น มันต้องเป็นการตัดสินใจที่มาจากตัวเด็กเอง และมีครอบครัวเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านนะคะ เดือนหน้าจะเป็นเรื่องอะไร อย่าลืมติดตามให้ได้นะคะ โปรออยล์